ฟ้าสีเทาๆ - อารมณ์สีเทาๆ

ฟ้าคลึ้มๆ ลมเย็นๆ อากาศหนาวๆ กับอารมณ์สีเทาๆ
คลึ้มใจยังไงกันนะ วันนี้อยากจะเขียนบล็อกขึ้นมาซะอย่างนั้น
อากาศหนาวๆ ที่ไม่ตรงฤดูแบบนี้ ก็ทำให้เหงาได้เหมือนกัน เหมือนกับในเพลงหลายๆเพลงบอกไว้ (แอบดราม่า T T)
เมื่อจิตใจรู้สึกแย่ (feeling down) ก็ทำให้ร่างกายหมดแรงได้เหมือนกัน จนบางครั้ง หลายคนถึงขั้นไม่อยากจะทำอะไรเลย
อยากจะนั่งนิ่งๆ เฉยๆ ไม่คิด ไม่รับรู้อะไร ถ้าทำได้ก็คงจะทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
การได้ปล่อยให้หัวใจ ได้พักบ้าง สมองผ่อนคลายบ้าง แล้วจากนั้นก็ดึงสติกลับมาสู่โลกความเป็นจริง ก็คงจะทำให้เรารู้สึกเข้มแข็งขึ้น
สามารถต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตได้ดีขึ้น (ฉันเชื่อว่าอย่างนั้นนนนน)

ทฤษฎีที่สวยหรู หลักการที่ดูดี แต่ไม่เคยจะทำได้จริงสักทีเลย (เห้อ!!!)
เอาน่าาา สักวันหนึ่ง พยายามเข้า!! มันก็ต้องทำได้สักวันหนึ่งนั่นแหละ เพื่อตัวเราเอง
การที่เราใส่ใจกับเรื่องต่างๆ มากไป มันก็มีแต่จะแย่กับตัวเราเองสินะ (อะไรก็ไม่ถูกใจเราไปซะหมด แง๊ๆ)
คิดมากไป ก็มีแต่ทำให้เสียสุขภาพจิต (ใครเสียล่ะ? ก็ตัวเราเองนี่แหละ คิดเอง เจ็บเอง แย่เอง)
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามแต่ บางครั้งเราก็ยังทำได้ไม่ดี ไม่ถูกใจตัวเราเอง แล้วจะหวังอะไรกับคนอื่นๆ ที่มาจากหลายร้อยพ่อพันแม่
คงไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ถูกใจเราได้ทุกเรื่อง (อันนี้ก็ต้องหัดทำใจนะ ตัวเอง)
หลายครั้งที่เคยบอกกับตัวเองแบบนี้ แต่บางทีก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะคิดมากมายไปไกล (แย่ๆๆๆๆ) ต่อไปก็คงต้องพยายามให้มากกว่านี้ สู้ต่อไป ทาเคชิ !!

Soap & Glory

วันนี้มีรีวิวเล็กๆน้อยๆ ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณสำหรับสาวๆ ที่ชอบกลิ่นหอมหวานๆ ค่ะ
ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ของ Soap & Glory ค่ะ นำเข้ามาจากสหราชอาณาจักร เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบน่ารัก สีชมพูสดให สไตล์ยุค 60 ค่ะ ที่สำคัญมีกลิ่นหอมสุดรัญจวน แบบเซ็กซี่นิดๆ น่ารักหน่อยๆ ที่จะทำให้ผิวดูมีชีวิตชีวาค่ะ

ตัวแรกขอแนะนำ ครีมบำรุงผิวมือ (Great shakes hand cream)
ครีมตัวนี้จะช่วยคืนความชุ่มชื่นให้มือ ด้วยส่วนผสมของ กรีเซอรีน และดอกบัวหลวง จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับมือ และชะลอรอยเหี่ยวย่นได้ค่ะ


หลังจากล้างมือแล้วลองทาครีม สิ่งที่โด่นเด่นคือกลิ่น จะมีกลิ่นหอมที่แรงกว่าครีมทามือที่เคยใช้มา แต่ก็อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบกลิ่น หวานๆ เปรี้ยวๆ แบบผลไม้ และที่สำคัญกลิ่นจะติดทนนานค่ะ สามารถใช้แทนน้ำหอมได้เลย และที่สังเกตได้อีกอย่างคือ ตัวเนื้อครีมขาวข้น เมื่อทาแล้วรู้สึกผิวไม่แห้ง ให้ความชุ่มชื่นดีค่ะ


ตัวต่อไปขอแนะนำ The Righteous butter body lotion (เดอะ ไรเชิส บัตเตอร์ บอดี้โลชั่น)


เป็นโลชั่นบำรุงผิวกาย ช่วยบำรุงผิวให้นุ่ม เนียน จาก fruit acids ใช้ทาหลังจากอาบน้ำ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นมากค่ะ เพราะโลชั่นของ soap&glory ทุกตัวจะค่อนข้างเหมาะกับคนผิวแห้ง เพราะเนื้อครีมเข้มข้น ทาแล้วค่อนข้างเก็บความชุ่มชื้นได้ดี และยังได้กลิ่นหอม พีช หอมมากๆๆ  ทำให้ผิวดูมีชีวิตชีวา น่าสัมผัสค่ะ อาบน้ำเสร็จ ทาก่อนนอน จะได้กลิ่นหอมพีช แบบเปรี้ยวๆ หวานๆ จะได้หลับสบายค่ะ (สำหรับคนที่ชอบกลิ่นพีชนะคะ)

นอกจากนี้แล้ว soap & Glory ยังมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอีกเยอะค่ะ แนะนำครีมอาบน้ำ เห็นหลายๆคนติดใจ เพราะกลิ่นหอมติดทนนาน ยังไงก็หามาลองกันนะคะ
หากใครสนใจสามารถหาซื้อได้ที่ร้านบูทส์ค่ะ เพราะเป็นตัวแทนนำเข้า

Are You Overthinking? How to stop!

หลายครั้งที่มีอาการคิดมาก ขี้น้อยใจ จนบางครั้งคิดว่าจะออกแนวขาดความอบอุ่นหรือเปล่า
แต่ก็คงไม่ใช่แน่ เพราะครอบครัวก็แสนจะอบอุ่น ^-^ 
หรืออาจจะเป็นเพราะเราใส่ใจต่อสิ่งรอบข้างมากเกินไป (คิดมากอีกแล้ว!) แต่มันก็เป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้
เพราะทุกคนมีสิทธิ์จะคิด แต่จะคิดเรื่องดี หรือเรื่องแย่ๆ ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนะคะ
ซึ่งการที่เราคิดมากนี้ อาจจะทำให้เรากำลังโดนพิษร้ายจากโรคคิดมาก (Overthinking) เข้าแล้วค่ะ


โรคคิดมากนี้ส่วนมากจะเป็นในกลุ่มผู้หญิง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความสุขในชีวิต ตลอดจนความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอีกด้วยค่ะ แย่จังนะคะ แล้วทีนี้เราจะทำอย่างไรเมื่อคิดมาก ...
  • บอกกับตัวเองให้ชัดๆ ว่าโลกไม่ได้แตกซะหน่อย
    คือเมื่อเราเริ่มเข้าสู่วงจรความวิตกจริต เราก็จะคิดเรื่องราวหรือปัญหาที่ต้องเผชิญอยู่อย่างนั้น ราวกับมันยิ่งใหญ่
    ราวกับกันโลกแตกยังไงอย่างงั้น เมื่อความคิดมากเริ่มก่อตัวล่ะก็ ให้บอกกับตัวเองดังๆ ว่า ..
    "ไม่ ฉันจะไม่คิดมากแล้ว คิดให้ตาย โลกก็ยังไม่แตกดับไปไหนเสียหน่อย" ย้ำๆ บอกกับตัวเองบ่อยๆ นะคะ
  • เบนความสนใจของตัวเอง
    พอเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่า ฉันเริ่มคิดมากแล้ว ให้รีบ สวย(หล่อ) เริด เชิดใส่มันเลยค่ะ แล้วหันไปหากิจกรรมมาทำกันค่ะ
    ไม่ว่าจะเป็น รดน้ำต้นไม้ เข้าครัวทำอาหาร ออกกำลังกาย หรือจะนัดเพื่อนทำกิจกรรมร่วมกันค่ะ
  • จัดเวลาให้อาการคิดมาก
    ในเมื่อความคิดมากมันอยากอยู่กับเรานัก ก็ให้มันมาเยือนได้แค่ 5-10 นาที หรือ 1 ชั่วโมงเต็มในแต่ละวันค่ะ
    หรือหากว่าเรามีเวลาว่างพอ ก็จัดเวลาที่อยากฟุ้งซ่าน วิตกจริต สติแตก ก็ทำเสียให้พอค่ะ เมื่อทำบ่อยๆแล้ว เราก็อาจจะพบว่า ความกระวนกระวายใจที่บั่นทอนเรามาตลอด ไม่ใช่สาระสำคัญใดๆ กับชีวิตของเราเลยค่ะ ถ้าเราฝึกทำบ่อยๆ ก็จะชินไปเอง
บางครั้ง การบังคับให้ตัวเองหยุดคิดมันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี ตราบใดที่ต้นตอของความกระวนกระวายใจยังอยู่ ปัญหาก็จะหวนคืนกลับมาอีก มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราจะเรียนรู้การโอบรัดกับเจ้าตัวปัญหานี้ มาลองทำตามกันดูค่ะ
  • ปล่อยความรู้สึกให้เต็มที่
    ถ้าหากเศร้าก็ให้เศร้าไปสุดๆเลยค่ะ หรือโกรธก็ร้องกรี๊ดๆ ออกมาบ้าง พอเมื่อพายุของอารมณ์พัดผ่านไป หลังจากที่ได้ปลดปล่อยไปบ้างแล้ว เราก็อาจจะมีสติกลับมามองเห็นทางแก้ปัญหาได้ชัดเจนขึ้นค่ะ
  • ลดความคาดหวังลงบ้าง
    กดมันให้ลงต่ำๆเลยค่ะ โดยเฉพาะคาดหวังให้คนนั้นคนนี้ได้ดั่งใจเรา (ไม่มีใครทำอะไรได้ดั่งใจเราทุกเรื่อง แม้กระทั่งตัวเราเองค่ะ) ต้องยอมรับนะคะว่า นิสัยของเราบางครั้งก็ไปขัดอารมณ์คนอื่นเขาเหมือนกัน บางทีเราก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ว่าไปทำอะไรให้ใครเขาหมั่นไส้หรือเปล่า เราก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้ว่า ทุกคนมีความแตกต่าง ก็ควรต้องหันมาเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่ร่วมกับสังคมหมู่มาก ดีกว่ามานั่งสติแตกถามตัวเองว่า "ทำไมฉันเข้ากับคนอื่นไม่ได้"
  • รู้จักให้อภัยทั้งตัวเองและผู้อื่น
    การพูดคำว่า "ขอโทษ" ไม่ได้หมายความว่าศักดิ์ศรีความเป็นตัวเราลงเลยค่ะ ต้องหันมาทำความเข้าใจใหม่ว่า การขอโทษนั้น บางครั้งก็เอ่ยขึ้นเพื่อให้อภัยตัวเอง เพื่อปลดปล่อยความโกรธ ความรู้สึกผิด ความละอายออกไปจากหัวใจไปบ้าง รู้จักให้อภัยตัวเองและคนอื่นบ้างค่ะ
  • ใส่ใจกับสุขภาพให้มากขึ้น
    ความวิตกกังวลต่างๆนาๆ ล้วนแต่เป็นมลพิษค่ะ ยิ่งสาวๆแล้วมันจะไปกระตุ้นริ้วรอยเพิ่มบนใบหน้า และเซลลูไลต์ใต้ผิวหนัง ไม่สวยแย่เลยค่ะ ดังนั้นเราต้องหันมาปฏิบัติใส่ใจสุขภาพ ปรับปรุงพัฒนาสัมพันธภาพกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างกันดีกว่าค่ะ
สิ่งที่ดีที่สุด คือการปล่อยวางค่ะ อย่ามัวแต่คิดถึงแต่เรื่องที่บ่อนทำลายจิตใจของตัวเองเลยค่ะ (โลกนี้ไม่ได้มีไว้แบก สู้ๆ)
ทุกครั้งที่รู้สึกวังวล คิดมาก ฟุ้งซ่าน ก็อย่าลืมหันไปมองกำลังใจที่มีให้จากคนรอบข้างบ้างนะคะ และขอบคุณทุกๆกำลังใจ ที่มีให้กันเสมอมาค่ะ ^-^

ที่มา : pooyingnaka

ผ่อนคลายเครียด

หลังจากที่รู้มาว่า อาการปวดหัวที่ตัวเองเป็นอยู่ ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากความเครียด!!! 
และคิดว่าหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยเรียน หรือวัยทำงาน ก็ต้องมีความเครียดกันบ้าง 
ก็เลยมีวิธีผ่อนคลายความเครียดแบบง่ายๆ มาฝากกันค่ะ


การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า จะทำให้ผิวหน้าดูสดใส (นอกจากจะคลายเครียดแล้ว ยังผิวสวยด้วยค่ะ)
เอาปลายนิ้วมือแตะที่ปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆ ค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้น จะส่งผลทำให้เลือดบริเวณหนังศีรษะและใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้นค่ะ  ซึ่งก็จะส่งผลทำให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้นด้วย



ฝึกกลั้นหายใจ สามารถชะลอหน้าไม่ให้แก่ก่อนวัย
หายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวไม่ไห้แก่ก่อนวัยและลดรอยหมองคล้ำ


กินส้มช่วยแก้อาการเซ็ง
สาเหตุก็เพราะ การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเอง จะมีกลิ่นส้มที่ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายเครียดลงได้ดีออกมาด้วย


(3 วิธีแรกนี้นอกจากจะช่วยผ่อนคลายความเครียดแล้ว ยังช่วยเรื่องผิวพรรณด้วยค่ะ ชอบจัง ^-^)


กินช็อกโกแลต ช่วยลดอาการแก้ไอ
สาเหตุก็เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อกโกแลตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะออกฤทธิ์ที่เส้นประสาท ชื่อเวกัสเนอร์ที่ทำหน้าที่ที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล (กินทีไรไม่ได้สนใจอะไรเลยค่ะ รู้แค่ว่าอร่อย :P )


กินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลัง
สาเหตุก็เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลียก็เพราะ กรดในเลือดสูงร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดของคนเรา การกินบ๊วยจึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ค่ะ



กินเนยก่อนนอน ทำให้นอนหลับสนิทขึ้น
สาเหตุก็เพราะ ในเนยมีกรดอะมิโนที่มีชื่อว่า ทริปโตพันซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น วิธีนี้ไม่แนะสำหรับคนลดความอ้วนนะคะ กินไปมีหวังแย่แน่ๆเลย




เป็นวิธีที่ไม่ยากเลยค่ะ สามารถทำได้ช่วงกำลังเครียดๆ กับการทำงาน หรือกำลังง่วงๆ ก็ได้นะคะ




ที่มา : koratsale

ปวดหัว (ไม่หายสักที)

อาการปวดหัว หลายคนคงเคยเป็นกัน ซึ่งตอนนี้ฉันก็เป็นอยู่ ปวดหัวมาหลายวันแล้ว กินยาแล้วไม่หายสักที เลยต้องไปหาหมอสักหน่อย จะได้รู้ว่าเป็นอะไร สรุปคุณหมอบอกว่า อาจจะเป็นไข้หวัด
หลังจากไปหาหมอผ่านไปสองวัน อาการปวดหัวก็ยังเป็นอยู่ ดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังตื้อๆ
เลยลองหาข้อมูลดูว่าอาการปวดหัวมีแบบไหนบ้าง ก็เลยคาดว่าฉันน่าจะเป็นการปวดแบบนี้แหละ ^-^

ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงตัว

คิดว่าหลายๆคนน่าจะเป็นกันบ่อย เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อดนอน เครียด(อืมๆ) ใช้สมองหรือสายตาติดต่อกันเป็นเวลานานๆ (อุ๊ย! อันนี้น่าจะใช่ เพราะด้วยหน้าที่การงานแล้ว นั่งจ้องคอมฯ วันนึงมากกว่า 10 ชั่วโมงแน่ๆ)

ส่วนอาการปวดนั้น ก็จะมีลักษณะตึงๆ ตื้อๆ บางคนก็จะปวดจี๊ดๆร่วมด้วย บางทีก็จะร้าวจากขมับไปกลางศีรษะ จนถึงท้ายทอย (ข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ค่ะ)

อาการปวดมักจะเริ่มตอนสายๆ หรือบ่ายๆ (ก็คือเมื่อเราเริ่มเครียดกับงานนั่นเอง)
แล้วก็จะปวดต่อไปทั้งวัน อาจจะไม่รุนแรงแต่ก็พอรำคาญค่ะ

ลักษณะสำคัญของการปวดแบบนี้ก็คือ ... เวลาหายก็มักจะหายไม่สนิทค่ะ คือจะยังรู้สึกตื้อๆ อยู่บ้างเล็กน้อย (อุ๊ย! ใช่เลยค่ะ) ซึ่งจะต่างจากการปวดแบบไมเกรนนะคะ คือไมเกรนเวลาไม่ปวดก็จะหายเป็นปกติเลยค่ะ

การป้องกัน
- ควรจะเลี่ยงสาเหตุที่บอกไปนะคะ เช่น นอนเยอะๆ ไม่เครียด อย่าใช้สายตานานๆ พักบ้างค่ะ (ช่วงที่ปวดก็ทานยาแก้ปวดทั่วๆไป เช่น พาราเซตามอลค่ะ)
- ถ้าทานยาแก้ปวดแล้วไม่ดีขึ้น ก็อาจต้องใช้ยาอื่นร่วมด้วย เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาคลายเครียดค่ะ T_T
- พบแพทย์ค่ะ ดีที่สุด ^-^

อ่านจบ คิดเองเลยว่าฉันน่าจะปวดจากกล้ามเนื้อตึงตัวเนี่ยแหละ ^_^ อาจจะเพราะเครียดบ้าง ใช้สายตาเยอะบ้าง พักผ่อนน้อยบ้าง อะไรบ้าง...

(สำหรับใครที่บังเอิญผ่านมาอ่าน ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ)


ที่มา : thaiclinic