Are You Overthinking? How to stop!

หลายครั้งที่มีอาการคิดมาก ขี้น้อยใจ จนบางครั้งคิดว่าจะออกแนวขาดความอบอุ่นหรือเปล่า
แต่ก็คงไม่ใช่แน่ เพราะครอบครัวก็แสนจะอบอุ่น ^-^ 
หรืออาจจะเป็นเพราะเราใส่ใจต่อสิ่งรอบข้างมากเกินไป (คิดมากอีกแล้ว!) แต่มันก็เป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้
เพราะทุกคนมีสิทธิ์จะคิด แต่จะคิดเรื่องดี หรือเรื่องแย่ๆ ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนะคะ
ซึ่งการที่เราคิดมากนี้ อาจจะทำให้เรากำลังโดนพิษร้ายจากโรคคิดมาก (Overthinking) เข้าแล้วค่ะ


โรคคิดมากนี้ส่วนมากจะเป็นในกลุ่มผู้หญิง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความสุขในชีวิต ตลอดจนความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอีกด้วยค่ะ แย่จังนะคะ แล้วทีนี้เราจะทำอย่างไรเมื่อคิดมาก ...
  • บอกกับตัวเองให้ชัดๆ ว่าโลกไม่ได้แตกซะหน่อย
    คือเมื่อเราเริ่มเข้าสู่วงจรความวิตกจริต เราก็จะคิดเรื่องราวหรือปัญหาที่ต้องเผชิญอยู่อย่างนั้น ราวกับมันยิ่งใหญ่
    ราวกับกันโลกแตกยังไงอย่างงั้น เมื่อความคิดมากเริ่มก่อตัวล่ะก็ ให้บอกกับตัวเองดังๆ ว่า ..
    "ไม่ ฉันจะไม่คิดมากแล้ว คิดให้ตาย โลกก็ยังไม่แตกดับไปไหนเสียหน่อย" ย้ำๆ บอกกับตัวเองบ่อยๆ นะคะ
  • เบนความสนใจของตัวเอง
    พอเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่า ฉันเริ่มคิดมากแล้ว ให้รีบ สวย(หล่อ) เริด เชิดใส่มันเลยค่ะ แล้วหันไปหากิจกรรมมาทำกันค่ะ
    ไม่ว่าจะเป็น รดน้ำต้นไม้ เข้าครัวทำอาหาร ออกกำลังกาย หรือจะนัดเพื่อนทำกิจกรรมร่วมกันค่ะ
  • จัดเวลาให้อาการคิดมาก
    ในเมื่อความคิดมากมันอยากอยู่กับเรานัก ก็ให้มันมาเยือนได้แค่ 5-10 นาที หรือ 1 ชั่วโมงเต็มในแต่ละวันค่ะ
    หรือหากว่าเรามีเวลาว่างพอ ก็จัดเวลาที่อยากฟุ้งซ่าน วิตกจริต สติแตก ก็ทำเสียให้พอค่ะ เมื่อทำบ่อยๆแล้ว เราก็อาจจะพบว่า ความกระวนกระวายใจที่บั่นทอนเรามาตลอด ไม่ใช่สาระสำคัญใดๆ กับชีวิตของเราเลยค่ะ ถ้าเราฝึกทำบ่อยๆ ก็จะชินไปเอง
บางครั้ง การบังคับให้ตัวเองหยุดคิดมันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี ตราบใดที่ต้นตอของความกระวนกระวายใจยังอยู่ ปัญหาก็จะหวนคืนกลับมาอีก มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราจะเรียนรู้การโอบรัดกับเจ้าตัวปัญหานี้ มาลองทำตามกันดูค่ะ
  • ปล่อยความรู้สึกให้เต็มที่
    ถ้าหากเศร้าก็ให้เศร้าไปสุดๆเลยค่ะ หรือโกรธก็ร้องกรี๊ดๆ ออกมาบ้าง พอเมื่อพายุของอารมณ์พัดผ่านไป หลังจากที่ได้ปลดปล่อยไปบ้างแล้ว เราก็อาจจะมีสติกลับมามองเห็นทางแก้ปัญหาได้ชัดเจนขึ้นค่ะ
  • ลดความคาดหวังลงบ้าง
    กดมันให้ลงต่ำๆเลยค่ะ โดยเฉพาะคาดหวังให้คนนั้นคนนี้ได้ดั่งใจเรา (ไม่มีใครทำอะไรได้ดั่งใจเราทุกเรื่อง แม้กระทั่งตัวเราเองค่ะ) ต้องยอมรับนะคะว่า นิสัยของเราบางครั้งก็ไปขัดอารมณ์คนอื่นเขาเหมือนกัน บางทีเราก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ว่าไปทำอะไรให้ใครเขาหมั่นไส้หรือเปล่า เราก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้ว่า ทุกคนมีความแตกต่าง ก็ควรต้องหันมาเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่ร่วมกับสังคมหมู่มาก ดีกว่ามานั่งสติแตกถามตัวเองว่า "ทำไมฉันเข้ากับคนอื่นไม่ได้"
  • รู้จักให้อภัยทั้งตัวเองและผู้อื่น
    การพูดคำว่า "ขอโทษ" ไม่ได้หมายความว่าศักดิ์ศรีความเป็นตัวเราลงเลยค่ะ ต้องหันมาทำความเข้าใจใหม่ว่า การขอโทษนั้น บางครั้งก็เอ่ยขึ้นเพื่อให้อภัยตัวเอง เพื่อปลดปล่อยความโกรธ ความรู้สึกผิด ความละอายออกไปจากหัวใจไปบ้าง รู้จักให้อภัยตัวเองและคนอื่นบ้างค่ะ
  • ใส่ใจกับสุขภาพให้มากขึ้น
    ความวิตกกังวลต่างๆนาๆ ล้วนแต่เป็นมลพิษค่ะ ยิ่งสาวๆแล้วมันจะไปกระตุ้นริ้วรอยเพิ่มบนใบหน้า และเซลลูไลต์ใต้ผิวหนัง ไม่สวยแย่เลยค่ะ ดังนั้นเราต้องหันมาปฏิบัติใส่ใจสุขภาพ ปรับปรุงพัฒนาสัมพันธภาพกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างกันดีกว่าค่ะ
สิ่งที่ดีที่สุด คือการปล่อยวางค่ะ อย่ามัวแต่คิดถึงแต่เรื่องที่บ่อนทำลายจิตใจของตัวเองเลยค่ะ (โลกนี้ไม่ได้มีไว้แบก สู้ๆ)
ทุกครั้งที่รู้สึกวังวล คิดมาก ฟุ้งซ่าน ก็อย่าลืมหันไปมองกำลังใจที่มีให้จากคนรอบข้างบ้างนะคะ และขอบคุณทุกๆกำลังใจ ที่มีให้กันเสมอมาค่ะ ^-^

ที่มา : pooyingnaka

2 ความคิดเห็น:

  1. คำพระท่านบอกว่า การจะห้ามความคิดตัวเองนั้น ยากเหมือนห้ามกระแสน้ำไม่ให้ไหล

    แต่ว่าให้เรารู้เท่าทันความคิดตัวเอง และมีสติ จะดีกว่า

    ตอบลบ
  2. สาธุ ค่ะ K.Montree
    มันก็จริงนะคะ ตัวเองเรายังห้ามไม่ได้ กับคนอื่นจะไปห้ามความคิดใครต่อใครก็คงยาก ดังนั้นก็ควร think positive

    ตอบลบ